“ทำไมเรื่องการกบฏในรัสเซียของกลุ่มทหารรับจ้างเอกชน Wagner จึงจบลงอย่างรวดเร็ว?”
“เบลารุสยื่นมือเข้ามาลดความตึงเครียด วากเนอร์ยอมถอย ?”
ท่ามกลางกระแสโจมตีพรรคการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม “ประชามติแยกดินแดน” โดยไม่สนว่าเป็นแค่สถานการณ์จำลอง หรือแค่ถามว่าจะทำเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายดีหรือไม่
เหตุการณ์ที่อ้างว่าเป็น “กิจกรรมนักศึกษา” และ “เวทีวิชาการ” ว่าด้วย “ประชามติกำหนดอนาคตตนเอง” หรือ “ประชามติเอกราชปาตานี” ซึ่งมีการจำลองการลง “ประชามติ” แบบเสมือนจริงด้วยนั้น ได้บานปลายกลายเป็นประเด็นการเมืองไปแล้ว
“ประชามติแยกดินแดน” เป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่านาทีนี้จะถูกกระแสหลักของสังคมต่อต้าน วิจารณ์อย่างหนัก จนต้องถอยกลับที่ตั้งเดิมก็ตาม
กลายเป็นประเด็น “แตกฮือ” สำหรับข้อเสนอ “ประชามติแยกดินแดน” ที่ประกาศกันชัดๆ โต้งๆ กลางงานเปิดตัว “ขบวนนักศึกษาแห่งชาติ” หรือ Pelajar Kebangsaan Patani หรือ Pelajar Bangsa ที่คณะรัฐศาสตร์ ม.อ.ปัตตานี เมื่อวันพุธที่ 7 มิ.ย.66
ปัญหาการบังคับใช้ “พ.ร.บ.อุ้มหาย-ทรมานฯ” ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตราพระราชกำหนดเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไป 4 มาตราสำคัญเป็นการตราพระราชกำหนดที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ถือว่าไม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้น
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ขาดว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่ให้เลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันการอุ้มหาย-ซ้อมทรมาน ใน 4 มาตราสำคัญ (มาตรา 22-25) ออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค.66 เป็นการตรา พ.ร.ก.โดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้น
ยังคงพูดกันไม่จบสำหรับความสำเร็จของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) คลอดแนวปฏิบัติ ภายหลัง พ.ร.บ.ป้องกันการอุ้มหาย-ซ้อมทรมาน มีผลบังคับใช้ทันที เพราะการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อยืดเวลาการบังคับใช้ 4 มาตราสำคัญออกไปอีก 120 วัน เนื่องจากจัดหาอุปกรณ์กล้องบันทึกภาพและเสียงไม่ทันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าเป็นการตรา พ.ร.ก.โดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ